ความนิยมที่จะเดินเข้าร้านทำผมเพื่อทำกิจกรรมหลายๆอย่าง ทั้งตกแต่งทรงผม รักษาโรคและทำฟัน ก็ยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเรื่อยมานับตั้งแต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 10 และในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 13 ก็ได้มีการตั้งโรงเรียนเพื่อสอนช่างผมเกี่ยวกับการทำงานด้านการผ่าตัดอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

อย่างไรก็ตาม เมื่อคนเรามีความรู้มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงก็ตามมา ใน ค.ศ.1416 มีการออกระเบียบห้ามไม่ให้ช่างผมทำหน้าที่รักษาคนป่วยอีกต่อไป หลังจากที่ผู้คนเริ่มบ่นว่า ไปหาช่างตัดผมแล้วป่วยมากกว่าที่จะหายป่วย แต่ถึงกระนั้น ช่างทำผมก็ยังคงอยู่ในฐานะที่สำคัญ เพราะชนชั้นสูงก็ยังให้ความนับถือต่ออาชีพนี้ และช่างทำผมหลายคนก็ยังทำตัวเป็นหมอผ่าตัดอยู่ต่อไปจนถึงศตวรรษที่ 18 ซึ่งรัฐสภาแห่งอังกฤษได้ออกกฎหมายที่แยกช่างทำผมกับหมอออกจากกันอย่างเด็ดขาด และกฎหมายในลักษณะเดียวกันนี้ก็ถูกประกาศใช้ในฝรั่งเศส และอีกหลายประเทศ
ต้องตัดซอยเป็นชั้นชั้นเพื่อให้ผมเป็นรูปทรงผมหยิกมากจะไม่ต้องการการจัดแต่งทรงซักเท่าไหร่ แต่พอสระผมแล้วลุยตะกุยด้วยนิ้วก็จะทำให้ผมเป็นทรงยุ่งเหยิงสวยงามไปอีกแบบ หน้าร้อน ผม อีกจะกลายเป็นผมฟูฟ่องกระจัดกระจายไร้รูปทรง ได้ง่ายหลังจากสระผมทุกครั้งควรใช้ครีมบำรุงผม ชโลมลูบให้ทั่วทุกครั้งและอย่าลืมล้างออกให้หมดเพื่อช่วยให้ผมมีน้ำหนักมากขึ้น ข้อสำคัญในการตกแต่งทรงผมใดๆก็ตามควรทำ ในขณะที่ผมยังเปียกชื้นอยู่ และต้องทำอย่างเบามือไม่ว่าจะเป็นการหวี ม้วนสเก็ตตัดซอย เพราะ เส้นผมขณะที่เปียกจะมีความอ่อนนุ่มและบอบบาง อาจจะขาดได้ง่ายกว่าตอนที่ผมแห้ง

เจลใช้ได้ดีกับผมสั้นทั้งผมตรงและผมหยิกทำให้ผมคงรูปอยู่ในทรงที่ต้องการหรือใช้ได้ดีในกรณีที่ต้องการรวบผมยาวให้ตึงเรียบเพื่อเกล้ามวยถักเปียและแต่งบางช่วง มูสมีลักษณะเป็นฟองโฟมเหมาะสำหรับผมยาว ปานกลางเช่นระดับต้นคอหรือไหล่ มดจะช่วยทำให้ผมอยู่ตัวในลักษณะที่ดูอ่อนนุ่มไม่แข็งตัวเท่ากับเจล ทำให้ ผมดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
ช่างทำผมจะต้อง วิเคราะห์ได้ว่า เส้นผม ความยาวของผมและลักษณะของเส้นผมต่างๆ ควรจะใช้เจลหรือมูสในการตกแต่งทรงผม

สนใจเรียนตัดแต่งผมชาย สถาบันสอนตัดผมชาย เรียนตัดผมชาย เรียนเสริมสวย
ติดต่อ โทรศัพท์ 080-445-6090 
ID Line : @Baimint หรือคลิ๊กลิ้งค์ https://line.me/R/ti/p/%40baimint
Facebook :https://www.facebook.com/bsahairstudio/
ดูเว็ปไซต์เพิ่มเติมที่  https://เรียนเสริมสวย.com